การดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ชนิดน้ำกรด (Flooded Battery) ให้ใช้งานได้นานและมีประสิทธิภาพสูงสุดนั้นจำเป็นต้องทำการบำรุงรักษาอย่างถูกวิธี ดังนี้:
1. ตรวจสอบระดับน้ำกลั่น
- แบตเตอรี่ชนิดน้ำกรดมักจะมีน้ำกลั่นอยู่ภายในเซลล์แบตเตอรี่ (เซลล์แต่ละอันจะมีฝาปิดที่สามารถเปิดเพื่อเติมน้ำกลั่นได้) หากน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ลดลงมากเกินไปจะทำให้แผ่นธาตุภายในแบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น
- ควรเติมน้ำกลั่นเมื่อระดับน้ำลดลง แต่ไม่ควรเติมเกินขีดที่กำหนด (บางแบตเตอรี่จะมีขีดบอกระดับน้ำ)
2. ตรวจเช็คการเชื่อมต่อขั้วแบตเตอรี่
- ขั้วแบตเตอรี่ควรจะสะอาดและปราศจากการกัดกร่อน (เช่น คราบเกลือจากกรด) หากพบการกัดกร่อน ควรทำการทำความสะอาดด้วยแปรงขนแข็งหรือผ้าแห้ง
- การเชื่อมต่อขั้วแบตเตอรี่ต้องไม่หลวม เพราะอาจทำให้การทำงานของระบบไฟฟ้าภายในรถไม่เสถียร
3. หลีกเลี่ยงการปล่อยให้แบตเตอรี่หมด
- การปล่อยให้แบตเตอรี่หมดจนถึงจุดที่ไม่สามารถสตาร์ทรถได้อาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว ควรให้ความสำคัญในการใช้งานและปิดไฟในรถยนต์ให้เรียบร้อยหลังจากใช้งานเสร็จ
- หากไม่ใช้รถนานๆ ควรมีสตาร์ทรถยนต์ ขับบางรถเพื่อให้แบตเตอรี่ได้ชาร์จไฟ
4. หลีกเลี่ยงการเติมน้ำกลั่นมากเกินไป
- การเติมน้ำกลั่นมากเกินไปอาจทำให้สารเคมีภายในแบตเตอรี่เจือจาง และทำให้ความจุและกำลังสตาร์ทของแบตเตอรี่ลดลง
5. ตรวจเช็คการชาร์จแบตเตอรี่
- ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบการชาร์จของรถยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่เกิดการชาร์จเกิน (overcharge) ซึ่งอาจทำให้แบตเตอรี่เกิดความร้อนเกินไป
6. ตรวจสอบสภาพภายนอกของแบตเตอรี่
- ดูว่าแบตเตอรี่ไม่มีรอยแตกหักหรือการบวมขึ้น ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนทันทีหากพบสัญญาณเหล่านี้
การดูแลแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถใช้งานรถได้อย่างไม่มีปัญหา และช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ