เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ Full Wave หรือที่เรียกว่า เครื่องชาร์จแบบ Full-Wave Rectifier ทำหน้าที่ในการแปลงกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ที่ได้รับจากแหล่งจ่ายไฟ (เช่นจากเต้ารับไฟฟ้า) ให้เป็นกระแสไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้
หลักการทำงานของเครื่องชาร์จแบบ Full Wave:
แปลงกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) เป็นกระแสไฟฟ้ากระแสตรง (DC):
กระแสไฟฟ้าที่มาจากแหล่งจ่ายไฟจะเป็นกระแสสลับ (AC) ซึ่งไม่สามารถใช้กับแบตเตอรี่ได้โดยตรง เนื่องจากแบตเตอรี่ต้องการกระแสไฟฟ้ากระแสตรง (DC) เพื่อการชาร์จ
เครื่องชาร์จ Full Wave ใช้ วงจร Rectifier ซึ่งประกอบไปด้วยไดโอดเพื่อแปลงกระแสไฟฟ้าจาก AC เป็น DC
กระแสไฟฟ้าในรูปแบบ Full-Wave:
เครื่องชาร์จ Full Wave สามารถแปลงกระแสไฟฟ้ากระแสสลับให้เป็นกระแสตรงในทั้งสองช่วง (ช่วงบวกและช่วงลบของคลื่น) โดยจะใช้ไดโอดสองตัวหรือมากกว่าในวงจร Rectifier
ผลลัพธ์คือ กระแสที่จ่ายให้กับแบตเตอรี่จะมีลักษณะเป็นกระแสไฟฟ้ากระแสตรงที่มีความเสถียรสูงกว่าเครื่องชาร์จ Half-Wave ซึ่งใช้ไดโอดเพียงตัวเดียวและแปลงกระแสไฟฟ้าแค่ช่วงเดียว
ฟังก์ชันหลักของเครื่องชาร์จ Full Wave:
ชาร์จแบตเตอรี่:
เครื่องชาร์จ Full Wave สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้กระแสไฟฟ้ากระแสตรงที่เสถียร
ปรับกระแสไฟฟ้าให้เหมาะสม:
เครื่องชาร์จแบบ Full Wave จะสามารถปรับกระแสไฟฟ้าให้เหมาะสมกับแบตเตอรี่ที่ต้องการชาร์จได้
ป้องกันการชาร์จเกิน (Overcharging):
เครื่องชาร์จบางรุ่นมีฟังก์ชันการตัดการชาร์จเมื่อแบตเตอรี่ชาร์จเต็มแล้ว เพื่อป้องกันการชาร์จเกิน ซึ่งอาจทำให้แบตเตอรี่เสียหายได้
ข้อดีของเครื่องชาร์จ Full Wave:
ประสิทธิภาพสูง: สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วกว่าเครื่องชาร์จ Half-Wave เนื่องจากกระแสไฟฟ้าที่จ่ายมีความสม่ำเสมอและเสถียร
มีความเสถียรในการชาร์จ: กระแสไฟฟ้าที่แปลงจาก AC เป็น DC จะมีคุณภาพดีกว่า ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ดีกว่าและลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายต่อแบตเตอรี่
ประหยัดพลังงาน: เครื่องชาร์จ Full Wave สามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องชาร์จประเภทอื่นๆ
เครื่องชาร์จ Full Wave มีหน้าที่หลักในการแปลงกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ที่มาจากแหล่งจ่ายไฟให้เป็นกระแสไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ซึ่งเหมาะสมสำหรับการชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์และช่วยให้การชาร์จมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพมากขึ้น